NEW MG ES
สเตชั่นแวกอนไฟฟ้าทรงล้ำสมัย

LINE it!

       ค่ายเอ็มจียังมุ่งมั่นในการทำตลาดรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเผยโฉม NEW MG ES  สเตชั่นแวกอนไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด โดนเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่ดูล้ำสมัยอย่างสไตล์ และภายในดูพรีเมียมและมีระดับ พร้อมพื้นที่ใช้สอยของห้องโดยสารที่มีขนาดใหญ่ใช้ได้จริง เติมเต็มไลฟ์สไตล์ในทุกช่วงเวลาที่สำคัญ ผสานความลงตัวในสไตล์ BRIT DYNAMIC ทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่  การควบคุม  การออกแบบ และความปลอดภัย  สู่ประสบการณ์ครั้งใหม่ของรถไฟฟ้าที่มีดีในทุกด้าน พร้อมความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง 



       NEW MG ES มาพร้อมกับ New ERA Design ที่ออกแบบตัวรถใหม่โดยรูปทรงภายนอกจะดูเรียบหรูผสานความล้ำสมัยได้อย่างลงตัว   ดีไซน์สเตชั่นแวกอน ที่พรีเมียมและล้ำสมัยเหมาะกับการใช้งานทุกรูปแบบ โดยไฟหน้าโฉมใหม่แบบ Light Curtain Design ที่ดูโฉบเฉี่ยวและปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ  กับระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน  ส่วนล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว  และกระจกมองข้างแบบมีไฟเลี้ยวสามารถพับและปรับไฟฟ้า และราวหลังคาที่รองรับน้ำหนักได้ถึง 75 กิโลกรัม พร้อมระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง และ ไฟท้ายแบบ LED เพิ่มมุมมองด้านหลังด้วยสปอยเลอร์หลังที่มีไฟเบรกดวงที่ 3 ในตัว 



        ภายในห้องโดยสารมีความพรีเมียมภายในที่ใช้งานได้จริง ห้องโดยสารที่เรียบหรู กว้าง พร้อมดีไซน์ ENERGETIC BLUE STRIP ที่มีเส้นสายการตกแต่งภายในโทนสีฟ้า  โดยพวงมาลัยหุ้มหนังสไตล์ 3 ก้านทรง D Shape ดูเท่สปอร์ตแบบมัลติฟังก์ชันปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์ พร้อมหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว กับหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ที่มีแบบลำโพง 6 จุด 



         และรองรับระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE-A และ TYPE- C  รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android  กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ  ระบบปรับอากาศแบบดิจิตัล พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมปุ่ม Push Start 





         และคอนโซลแบบ DOUBLE LAYER พร้อมพื้นที่ช่องเก็บของรอบคัน และที่วางแก้ว โดยเบาะนั่งมีดีไซน์ตกแต่งได้สวยหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ให้โอบกระชับลำตัว ซึ่งเบาะนั่งคนขับแบบปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางกับเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง และเบาะนั่งด้านหลังพนักพิงพับได้ 60:40 พร้อมทั้งเทคโนโลยี Zero-G Seats เพื่อรองรับสรีระของผู้นั่ง กับความสามารถในกระจายน้ำหนัก ทำให้นั่งสบายตลอดเส้นทาง รวมถึงพื้นที่บรรจุสัมภาระสูงสุดถึง 1,367 ลิตร 

        สเตชั่นแวกอนอีวีแนวใหม่ ที่ให้ประสิทธิภาพทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด กับแพล็ตฟอร์มระบบส่งกำลัง SAIC E1 THREE - ELECTRIC SYSTEM มาพร้อมขุมพลังที่ให้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นใหม่แบบ 8-LAYER HAIR PIN PERMANENT MAGNETIC SYNCHRONOUS MOTOR (PMSM) ที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร 



         และมาพร้อมช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION ที่ให้การทรงตัวที่ดี ผสานกับระบบช่วงล่างหน้าอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโครง และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม กับระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้าที่มีรัศมีวงเลี้ยว 5.65 เมตร  ส่วนดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลัง 

         สำหรับแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอรอนฟอสเฟตมีความจุ 51 kWh สามารถวิ่งในระยะทาง 412 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC พร้อมระบบ Liquid Cooling System ช่วยระบายความร้อนให้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ  ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย  แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น)



       NEW MG ES มาพร้อมระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) และมีระบบความปลอดภัยมาตรฐานกับระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) รวม 20 ระบบ ไม่จะเป็น ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW  กับระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB  ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC  ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA  ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA  ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK  และระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW 



         ตามมาด้วยระบบควบคุมการทรงตัว SCS  ระบบควบคุมเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS และระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS  ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA  รวมถึงระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC   ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ และระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS   

         นอกจากนี้ยังมีถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย กับเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ พร้อมทั้งจุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX 2 จุด และยังมีกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer



       NEW MG ES มาพร้อมกับแบตเตอรี่เทคโนโลยีใหม่ที่ให้สมรรถนะและรองรับระบบการชาร์จ 2 รูปแบบทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge เร็วขึ้น ให้ผู้ใช้งานสามารถเดินทางสะดวกสบายได้ทั่วประเทศ ด้วยความพร้อมของสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี MG SUPER CHARGE ที่ติดตั้งแล้วกว่า 158 แห่งทั่วประเทศ  โดยชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 0% - 80% ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ที่ความเร็วสูงสุด 87 kW 



         และชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ  7 ชั่วโมง 15 นาทีที่ 6.6 kW รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kW  รองรับระบบ V2L  เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ด้วยกำลังไฟสูงสุด 2,200 วัตต์ ปรับปรุงระบบระบายความร้อนให้ใช้งานต่อเนื่องได้ดียิ่งขึ้น และมีน้ำหนักเบาลง 22% 



       NEW MG ES มาพร้อมกับระบบสั่งการอัจฉริยะ i-SMART ในรูปแบบ Lite version ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์และอำนวยความสะดวกสบายของผู้ใช้งานไปอีกขั้น ให้เข้าถึงระบบการใช้งานรถไฟฟ้าเพียงปลายนิ้วสัมผัส

       SMART CHECK (ระบบตรวจเช็คอัจฉริยะ)  ระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์  ระบบสั่งการ และระบบค้นหารถ Find My Car  ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์  ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ ระบบตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ การชาร์จ และสถานีชาร์จ



       SMART COMMAND (ระบบสั่งการอัจฉริยะ) กุญแจดิจิตอล ระบบควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน  ระบบเลขาส่วนตัว MG Call Centre  ระบบโทรออก – รับสายกรณีฉุกเฉิน Emergency Call ระบบสั่งการชาร์จ สถานี MG SUPER CHARGE ผ่านทางสมาร์ทโฟน

       NEW MG ES จัดเป็นรถไฟฟ้าอีกรุ่นของค่ายเอ็มจีที่มาในสไตล์ สเตชั่นแวกอน ที่ดูแล้วน่าจะตอบโจทย์ทั้งด้านดีไซน์รูปทรงหรูที่มีสไตล์เฉี่ยวในตัว ภายในให้ความสำคัญในการตกแต่งอย่างลงตัว มาพร้อมสีตัวถังให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) สีเทา (Andes Gray) สีแดง (Scarlet Red) และ สีเงิน (Champagne Silver) และตกแต่งภายในสไตล์ทูโทนพร้อมหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ DENIM TEXTURE DESIGN พบกับรถรุ่นใหม่นี้ได้ในงานมอเตอร์โชว์ปี 2023 

 

คำค้น : NEW MG ES , เปิดตัว NEW MG ES , รีวิวรถใหม่ NEW MG ES , แนะนำรุ่นใหม่ NEW MG ES , รถไฟฟ้า MG ES ใหม่ , เอ็มจีเปิดตัว MG ESใหม่