อย่ามั่วแต่ขับรถอย่างเดียวต้องดูแลรถกันบ้าง โดยเฉพาะผู้หญิงที่คนมักจะพูดกันว่า ขับเป็นอย่างเดียว อย่างอื่นไม่รู้อะไร อย่าให้เป็นอย่างนั้นยุคนี้ผู้หญิงเก่ง เรื่องดูแลรถก็ไม่ใช่เรื่องยากแค่ใส่ใจก็ทำได้ และถ้าอยากให้รถอยู่เราไปนาน ๆ ไม่ต้องเข้าอู่ซ่อมบ่อยก็ต้องดูแลสักหน่อย เพราะแต่ละวัน...ไหนจะขับไปทำงาน ตกเย็นยังขับไปหาเพื่อนหรือไปเที่ยวอีก  รถมันจะทนอยู่ได้ยังไงก็ต้องมีสึกหรอกันบ้าง โดยเฉพาะในส่วนของเกียร์ ถ้าเสียขึ้นมาละก็งานช้างครับเพ่... มาดูกันดีกว่าว่าจะต้องใช้เกียร์และดูแลอย่างไร     



1. การเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆ
     หากต้องการถนอมเกียร์ให้สามรถใช้ได้ไปนานๆนั้นคือ จงคำนึงถึงการเปลี่ยนเกียร์เอาไว้บางคนชอบการขับขี่ที่สนุกโดยเฉพาะเกียร์ paddle shift จึงเปลี่ยนเกียร์เล่นเองอยู่เป็นประจำ ตลอดจนการใช้ engine brake เพื่อให้รถชะลอความเร็ว ซึ่งการกระทำเหล่านี้มักที่ให้เกียร์เสื่อมอายุการใช้งาน ซึ่งถ้าอยากให้เกียร์อยู่กับเราไปนานๆ พยายามอย่าเปลี่ยนเกียร์ระหว่างการขับขี่บ่อยจนเกินไปนะครับ

2. หากรถติดบ่อยเกินไปใช้เกียร์ว่าง(N)ให้เหมาะสม
     ต่อจากข้อแรกกันเลยในความหมายที่ว่าเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆไม่ได้แปลว่าไม่เปลี่ยนเลยนะครับ บางคนมีความเชื่อว่าหากรถติดมากๆการเปลี่ยนเกียร์ว่างบ่อยๆ ทำให้เกียร์พังไวและเลือกที่จะค้างเกียร์ D เอาไว้และเหยียบเบรคค้างไว้แทนซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด ซึ่งการเปลี่ยนเกียร์จาก N ไป D หรือ D ไป N นั้นเป็นการเข้าเกียร์แบบปกติซึ่งมีผลกับการสึกหลอน้อยครับ เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนเกียร์แบบกะทันหันในขณะใช้ความเร็ว แต่ไม่ได้บอกว่าถ้าเกิดรถหยุดวิ่งต้องเข้าเกียร์ N ทุกครั้งนะครับโดยเฉพาะการขับขี่ภายใน กรุงเทพมหานคร ซึ่งการจราจรติดขัดมาก ควรใช้เกียร์ให้อย่างเหมาะสมด้วยนะครับ



3. อย่าเปลี่ยนเกียร์เร็วเกินไปหรือขณะที่รถยังไม่หยุดสนิท
     อาการแบบนี้ต้องแก้จากนิสัยคนขับล้วนๆ บางคนเป็นคนใจร้อนเปลี่ยนเกียร์จาก D ไป R ขณะที่รถยังไม่หยุดสนิทซึ่งถ้าใครเคยทำแบบนี้ล่ะก็จะสังเกตได้ว่าเกียร์มีอาการกระชาก ซึ่งแน่นอนพฤติกรรมแบบนี้ทำให้เกียร์พังไวขึ้นครับ ซึ่งวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้คือใจเย็นๆให้รถหยุดสนิทก่อนจึงค่อยทำการเปลี่ยนเกียร์นะครับ



4. ลากเกียร์มากจนเกินไป
     คนส่วนใหญ่ชอบขับรถเร็ว ยิ่งรถยนตร์เกียร์ออโต้รุ่นหลังๆมักมีระบบ Paddle shift มาให้เปลี่ยนเกียร์เองได้ทำให้ระบบสมองกลไม่ทำงานกล่าวคือสามารถลากรอบได้ ให้ความรู้สึกเหมือนกับการขับเกียร์ธรรมดาแบบไม่ต้องเหยียบครัตช์ ซึ่งเป็นความสะใจของคนขับนั่นเอง หากไม่อยากให้เกียร์ของเราพังก่อนกำหนดแล้วนั้นจงคำนึงไว้เสมอว่าเราคือเกียร์ออโต้ การที่มีระบบพวกนี้มาทำให้ขับขี่สนุกขึ้นก็จริงอยู่แต่หากใช้บ่อยไปล่ะก็รับรองไม่รอด

5. เปลี่ยนน้ำมันเกียร์คุณภาพตามอายุการใช้งาน
     การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ที่มีคุณภาพเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาอายุเกียร์อย่างยิ่ง ซึ่งควรจะเลือกเป็นน้ำมันเกียร์สังเคราะห์แท้ 100% ที่มีส่วนผสมของแร่หิน Molybdenum disulfide(M0S2) ที่มีคุณสมบัติในการลดแรงเสียดทานของผิวโลหะ และทำให้การหล่อลื่นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยลดแรงกดและทนความร้อนได้ดี มีทั้งน้ำมันเกียร์สำหรับ ATF และ CVTF



     และนอกจากการใช้น้ำมันเกียร์ที่มีคุณภาพดีแล้วยังต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ให้เหมาะสมกับอายุการใช้งานด้วยคือทุกๆ 20,000 กิโลเมตร หรือหากเป็นผู้ใช้รถใช้ถนนที่อยู่ในกรุงเทพมหานครนั้น เนื่องจากการจราจรที่ติดขัด เกิดการเปลี่ยนเกียร์ที่ค่อยข้างบ่อยควรทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมั้นเกียร์ทุกๆ 10,000กิโลเมตร การกระทำเหล่านี้เป็นการกระทำในการรักษาเกียร์ออโต้ที่ถูกต้อง ซึ่งช่างบางศูนย์บริการมักแนะนำว่าเปลี่ยนทุก 40,000 กิโลเมตรหรือไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตลอดอายุการใช้งาน “ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด” รู้แบบนี้แล้วอย่าลืมเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ให้เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละท่านด้วย